ไออาร์พีซี ร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่ปลูก บำรุงรักษา และระบบนิเวศป่าไม้ กับกรมป่าไม้ โครงการพัฒนาพื้นที่ปลูก บำรุงรักษา และระบบนิเวศป่าไม้ กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และโครงการปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ผ่านการปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแหล่งกักเก็บคาร์บอน จำนวน 2 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็น ปตท. 1 ล้านไร่ และความร่วมมือของบริษัท ในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573
เป้าหมาย
ดำเนินธุรกิจโดยปราศจากผลกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้สุทธิ (No Net Deforestation)
ผลการดำเนินงาน
100% ของพื้นที่ปฏิบัติการได้รับการประเมินความเสี่ยง ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพนับว่าเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และคุณภาพชีวิตของชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและบริการจากระบบนิเวศเป็นหลัก
การลดลงของทรัพยากรเหล่านี้ไม่เพียงแต่คุกคามความมั่นคงด้านอาหารและน้ำ หากยังส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คน และก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอีกด้วย ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการเชิงรุก เพื่อบรรเทาผลกระทบ สนับสนุนการฟื้นฟู และอนุรักษ์ระบบนิเวศให้คงอยู่เพื่อคนรุ่นต่อไป
ไออาร์พีซีตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบในประเด็นนี้ จึงมุ่งมั่นในการบูรณาการการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การกลั่น จนถึงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมีปลายน้ำ โดยตระหนักถึงทั้งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิต ดังนั้น การคำนึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพจึงถูกบรรจุไว้ในกระบวนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เพื่อบรรเทาความเสี่ยง สนับสนุนความยั่งยืนระยะยาว และสร้างความสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แนวทางดังกล่าวถือเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินงานของไออาร์พีซี ทั้งในด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย การปกป้องระบบนิเวศ และการมีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์แก่สังคมอย่างยั่งยืน
ความมุ่งมั่นของไออาร์พีซีในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพสะท้อนอยู่ในนโยบายคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม และการจัดการพลังงาน บริษัทไออาร์พีซี (IRPC QSSHE Policy) ซึ่งเป็นนโยบายระดับสูงสุดขององค์กร ที่มีการผนวกประเด็นการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพไว้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
- การออกแบบและบริหารการจัดการพื้นที่ปฏิบัติการ/ โรงงาน เพื่อหลีกเลี่ยงและลดผลกระทบด้านลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
- การดำเนินกระบวนการต่างๆ อย่างมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
- การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้มีน้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงการสร้างผลกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้สุทธิ โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการฟื้นฟูหรือปลูกป่าไม้เพื่อชดเชยการสูญเสียป่าไม้จากการดำเนินธุรกิจ (No Net Deforestation)
ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นด้านความหลากหลายทางชีวภาพนี้ครอบคลุมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ ได้แก่ คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับ ไออาร์พีซีและบริษัทในเครือโดยตรง (Tier-1 suppliers) และคู่ค้าที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับไออาร์พีซี และบริษัทในเครือโดยตรง (Non-tier-1 suppliers)
การประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Risk Assessment)
ไออาร์พีซีดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่นของพื้นที่ปฏิบัติการ โดยอ้างอิงมาตรฐาน GRI EN 11 และ EN12 ในการรวบรวมข้อมูลและอธิบายแหล่งที่มาที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพและบริการระบบนิเวศ (BES) โดยกระบวนการดังกล่าวได้บูรณาการการประเมินความเสี่ยงและทบทวนข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อนำไปพัฒนาแผนปฏิบัติการที่มีการกำหนดเป้าหมายชัดเจน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
โครงการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไออาร์พีซีได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยมีตัวอย่างโครงการที่โดดเด่นและผลการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
โครงการบริหารจัดการคาร์์บอนเครดิตในป่่าเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกับมููลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ
บริษัทฯ ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงไปตรวจเยี่ยมโครงการคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนเพื่อความยั่งยืนในพื้นที่ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เข้าร่วมโครงการได้ฟังสัมมนาจากผู้นำชุมชนและได้เรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์ในการจัดการกับพื้นป่าที่เป็นตัวอย่างในการศึกษาคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชน โดยบริษัทเข้าเยี่ยมชม ตรวจสอบกลไกลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับโครงการ TVER อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนเพื่อความยั่งยืน บริษัทฯ ได้ร่วมตรวจสอบโครงการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาประเมินร่วมกับชุมชน นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังควบคุมดูแลกิจกรรมระหว่างการสำรวจสถานที่ในผืนป่าตัวอย่างในป่าชุมชนดังกล่าว จากเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นและการดำเนินกิจการที่แน่วแน่ บริษัทฯ จึงประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 2566 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการอุทิศตนเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและก้าวไปสู่อนาคตที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์
- เพิ่มพื้นที่ป่าจำนวน 20,000 ไร่ (ณ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2566)
- สามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 35,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (คาดการณ์ขึ้นทะเบียน TVER ในปี พ.ศ. 2568)
![]() |
![]() |
สรุปผลการดำเนินงาน
พื้นที่ทั้งหมด
จำนวนพื้นที่
30
ขนาด (ไร่)
701.28
พื้นที่ที่ได้รับการประเมิน
จำนวนพื้นที่
30
ขนาด (ไร่)
701.28
พื้นที่ที่มีความเสี่ยง
จำนวนพื้นที่
0
ขนาด (ไร่)
0
พื้นที่ที่มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยง
จำนวนพื้นที่
0
ขนาด (ไร่)
0
สิ่งมีชีวิตที่มีถิ่นอาศัยและได้รับผลกระทบจากสถานประกอบกิจการ
จำนวนพื้นที่
0
ขนาด (ไร่)
0