ความรับผิดชอบต่อสังคม

บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการขาเทียม โดยบริจาคเม็ดพลาสติก  PP (Polypropylene) ให้มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ใช้เป็นวัสดุในการทำขาเทียมให้แก่คนพิการขาขาด เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการขาขาดตามแนวทางสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value: CSV) ซึ่งบริษัทฯ ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการค้าของบริษัทฯ สร้างโอกาสให้คนพิการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน โดยดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน

ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกของบริษัทฯ นอกจากจะถูกนำไปใช้ผลิตขาเทียม ทั้งที่สำนักงานมูลนิธิขาเทียมฯ จังหวัดเชียงใหม่ ที่หน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย พม่า และกัมพูชา รวมทั้งที่โรงงานทำขาเทียมพระราชทานที่ตั้งอยู่ตามโรงพยาบาลทั่วประเทศ จำนวน 95 แห่งแล้ว ยังถูกส่งไปยังโรงงานขาเทียมที่มูลนิธิขาเทียมฯ จัดตั้งให้ที่โรงพยาบาลทหาร ณ สาธารณรัฐบุรุนดี สาธารณรัฐเซเนกัล  ซึ่งเป็นประเทศที่มีความยากจน มีคนพิการขาขาดจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ และสาเหตุอื่น ๆ อีกด้วย

• ปี 2567 (1 ตุลาคม 2566-30 กันยายน 2567) ผลิตขาเทียมจากผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกของไออาร์พีซีให้แก่คนพิการ ได้จำนวน 4,013 ขา
• ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2567 (ณ วันที่ 30 กันยายน 2567) มีขาเทียมที่ผลิตให้แก่คนพิการโดยใช้ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกของไออาร์พีซี ทั้งสิ้น จำนวน 43,585 ขา

โอกาสในการพัฒนานวัตกรรมพลาสติกเพื่อสุขภาพ

ปัจจุบันพลาสติก  Polypropylene เป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตขาเทียมให้แก่คนพิการขาขาด รวมถึงใช้ผลิตอุปกรณ์เสริมร่างกายชนิดต่าง ๆ ให้แก่คนพิการและผู้ป่วย โดยในกระบวนการผลิตขาเทียมอุปกรณ์ขาเทียมและอุปกรณ์เสริมร่างกาย จะก่อให้เกิดขยะพลาสติกเป็นจำนวนมาก สร้างปัญหาแก่หน่วยงานผลิตขาเทียมในการบริหารจัดการ

ขยะพลาสติก เนื่องจากชิ้นส่วนพลาสติกจะมีขนาดใหญ่ หนา และแข็ง ทำให้การกำจัด หรือ หาผู้รับซื้อเป็นไปได้ยาก และทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากร

บริษัทฯ จึงได้ริเริ่มดำเนินโครงการ From Wastes to Walk (ผลิตกายอุปกรณ์เสริมจากพลาสติกรีไซเคิล) โดยกำหนดแผนการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ สถาบันสิรินธร เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด (ลูกค้า) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัญหาการสูญเสียทรัพย์ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ทางสังคมผ่านผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และองค์ความรู้ ของบริษัทฯ และเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการและผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เสริมร่างกายชนิดต่าง ๆ ได้ และด้วยการดำเนินการเช่นนี้ทำให้บริษัทฯได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการค้าของบริษัทฯในการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value) พร้อมทั้งส่งเสริมมิติเศรษฐกิจหมุนเวียนตามกลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ รับชิ้นส่วนพลาสติก PP (Polypropylene) จากหน่วยงานภาคีเครือข่าย และนำเข้าระบบรีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นเม็ดพลาสติก PP ชนิดรีไซเคิล โดยนำไปผสมกับเม็ดพลาสติก PP ชนิด Virgin ในสัดส่วน 50:50 จากนั้น นำส่งให้ บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด (ลูกค้า) ผลิตเป็นแผ่นพลาสติกขนาดความหนา 3 หรือ 5 มิลลิเมตร และมอบให้หน่วยงานกายอุปกรณ์ภาคีเครือข่าย สำหรับใช้ผลิตอุปกรณ์เสริมร่างกายให้กับผู้ป่วยหรือคนพิการ เช่น อุปกรณ์เสริมบริเวณข้อเท้าและเท้า (Ankle Foot Orthosis : AFO) ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีโครงสร้างของเท้าผิดปกติ เท้าผิดรูป ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงของช่วงขาส่วนล่าง ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดสมอง ผู้ป่วยภาวะสมองพิการแต่กำเนิด และอื่น ๆ รวมทั้งนำไปใช้ในการเรียนการสอนของช่างทำขาเทียม และ ใช้ผลิตขาเทียมให้กับสุนัขที่ถูกตัดขาอีกด้วย

ปัจจุบันมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมโครงการ From Wastes to Walk ได้แก่ มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สถาบันสิรินธร เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โรงงานทำขาเทียมพระราชทาน 95 แห่งทั่วประเทศ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และในปี 2567 นี้ มีหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมโครงการ From Wastes to Walk จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ หน่วยกายอุปกรณ์ สถาบันสุขภาพเด็กมหาราชินี และ หน่วยงานอุปกรณ์โรงพยาบาลราชวิถี

• ลดปริมาณขยะพลาสติก และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการและผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์

สร้างความร่วมมือกับลูกค้าในการพัฒนานวัตกรรมอุปกรณ์ช่วยเหลือ (ขาเทียม) ที่ผสมผสานการใช้เม็ดพลาสติก PP รีไซเคิล

บริษัทฯ เริ่มดำเนินโครงการลำไทรโยงโมเดล ณ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาคนพิการอุดรธานี ในปี 2562 โดยดำเนินการขุดลอกสระเก็บน้ำเพื่อการเกษตรให้สามารถกักเก็บน้ำสำหรับทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ได้อย่างเพียงพอตลอดปี ขุดบ่อบาดาล ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าภายในศูนย์ฯ ใช้กับเครื่องปั๊มน้ำและเครื่องสูบน้ำจากบ่อบาดาล เดินท่อส่งน้ำใต้ดิน ติดตั้งถังเก็บน้ำสูง ติดตั้งรั้วคาวบอยเพื่อแบ่งพื้นที่ทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ สร้างคอกหมูป่ากึ่งธรรมชาติ สร้างห้องน้ำสำหรับคนพิการตามแบบอารยสถาปัตย์ เป็นต้น

และในปี 2564 เริ่มดำเนินโครงการ IRPC Smart Farming ซึ่งเป็นการพัฒนาและต่อยอดโครงการลำไทรโยงโมเดล โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรที่มีความเหมาะสม มาปรับใช้กับพื้นที่ จำนวน 35 ไร่ ณ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาคนพิการอุดรธานี ให้เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการ IRPC Smart Farming ด้วยศูนย์ส่งเสริมพัฒนาคนพิการฯ เป็นพื้นที่ทำการเกษตรที่เปิดโอกาสให้คนพิการในด้านต่าง ๆ ผู้สูงอายุ และผู้ดูแลคนพิการติดเตียง ให้ได้เข้ามาเรียนรู้การทำเกษตรกรรมที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพและสภาพร่างกาย เพื่อนำไปสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว โดยบริษัทฯ ให้การสนับสนุนในการจัดหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร ที่ไม่ซับซ้อนมากจนเกินไป มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และวิถีชีวิตของเกษตรกรซึ่งเป็นคนพิการ

ทั้งนี้ โครงการได้สร้างโอกาสให้คนพิการสามารถประกอบอาชีพทางการเกษตร สร้างรายได้ สามารถสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพและคุ้มค่าแก่การลงทุน ได้แก่ ขุดขยายสระเก็บน้ำเพื่อการเกษตรสระที่ 3 ขนาดความจุ 56,000 ลบ.ม. ติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบบโซลาร์เซลล์ ติดตั้งถังเก็บน้ำสูง ติดตั้งโรงเรือนปลูกผักปลอดสารพิษ ติดตั้งกระบะปลูกแบบยกสูง ซึ่งอำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการ พร้อมด้วยระบบรดน้ำอัตโนมัติ จัดหาโดรนเพื่อการเกษตรขนาด 10 ลิตร และฝึกอบรมให้คนพิการสามารถบินโดรนเพื่อพ่นปุ๋ยหมีขาวในนาข้าวและพื้นที่การเกษตรอื่น ๆ ปลูกสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่เหนือสระน้ำเลี้ยงปลา เพื่อดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ได้ปลา จัดหาตู้อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับนำมาใช้แปรรูปผลิตภัณฑ์ เช่น ปลาแดดเดียว จัดทำแปลงทดลองปรับปรุงดินเสื่อมสภาพโดยใช้ปุ๋ยหมีขาว (นาโนซิงค์ ออกไซด์) และสารปรับปรุงดิน เป็นต้น โดยในปี 2567 สามารถสรุปผลการดำเนินงาน ได้ดังนี้

•  โครงการแปลงทดลองปรับปรุงดินเสื่อมสภาพโดยใช้ปุ๋ยหมีขาว (นาโนซิงค์ ออกไซด์) และสารปรับปรุงดิน เพื่อปลูกกล้วยน้ำว้า มะลิอ่อง
  เพื่อให้เกษตรกรสามารถปรับปรุงดินที่เสื่อมสภาพให้มีคุณภาพเหมาะสมในการเพาะปลูก ดินมีค่า pH ที่เหมาะสม (ปรับลดความเป็นกรดในดิน) ดินมีธาตุอาหารที่เพียงพอสำหรับพืช และสามารถเก็บผลผลิตกล้วยน้ำว้า มะลิอ่องได้เป็นบางส่วน
• การสร้างประโยชน์และรายได้ให้แก่คนพิการอันเป็นผลจากการดำเนินโครงการฯ ของบริษัทฯ จากองค์กรเอกชนอื่น ๆ ในปี 2567 โดยมีคนพิการได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น จำนวน 40 คน ดังนี้

2.1 โครงการฝึกอบรมอาชีพด้านการเกษตรให้คนพิการ ตามหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 โครงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์ส่งเสริมพัฒนาคนพิการอุดรธานี

• โครงการเลี้ยงไก่ไข่ โดยให้การสนับสนุนคนพิการแต่ละราย สร้างโรงเรือน มอบไก่ไข่ 100 ตัว มอบอุปกรณ์วิตามินและอาหารสำหรับเลี้ยงไก่
• โครงการเลี้ยงโค-กระบือ โดยให้การสนับสนุนคนพิการแต่ละราย สร้างโรงเรือน มอบแม่พันธุ์โค-กระบือ 2 ตัว อุปกรณ์ อาหาร ยา และ วัคซีน
• โครงการจ้างงานคนพิการ ปฏิบัติงานที่ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาคนพิการอุดรธานี

• สร้างรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร 184,553 บาท
• ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้จากการดำเนินโครงการฯ (ประหยัดค่าไฟฟ้า ค่าปุ๋ยและค่าอาหารปลา) 100,738 บาท
• รายได้จากการให้บริการบินโดรนเพื่อการเกษตรพ่นปุ๋ยหมีขาว ในนาข้าว (ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว) และ ไร่มันสำปะหลัง โดยคนพิการ 14,950 บาท

โครงการ “Chara-Recycle” เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ KFC และมูลนิธิกระจกเงา เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมที่สำคัญสองประการ ได้แก่ ขยะพลาสติกและภาวะการว่างงานของผู้สูงอายุ โครงการนี้เกี่ยวข้องกับการรวบรวมขยะพลาสติกจากร้านอาหาร KFC ซึ่งจะถูกทำความสะอาดโดยผู้สูงอายุ ซึ่งหลายท่านเป็นผู้ว่างงานและถูกมองข้ามจากตลาดแรงงานทั่วไป

ผู้สูงอายุเหล่านี้ได้รับการว่าจ้างให้ทำความสะอาดและคัดแยกขยะพลาสติก ทำให้พวกเขามีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากทำความสะอาด พลาสติกจะถูกส่งไปยังบริษัทฯ เพื่อรีไซเคิลและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า กระบวนการนี้ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกและส่งเสริมความยั่งยืน โดยการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ในวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้เป็นการจัดการปัญหาที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยนำเสนอวิธีการรีไซเคิลขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้โอกาสการจ้างงานที่มีคุณค่าแก่ผู้สูงอายุ และปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา ด้วยการนำขยะกลับมาใช้ใหม่และสร้างโอกาส โครงการริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

• โครงการ “Chara-Recycle” ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกได้ถึง 4 ตัน
• มอบเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาทให้แก่มูลนิธิกระจกเงา เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มีรายได้ผ่านโครงการ “จ้างวานข้า”

• เป็นการสร้างความมั่นคงในด้านวัตถุดิบและลดการพึ่งพาวัตถุดิบใหม่
• ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การสนับสนุนโครงการรีไซเคิลสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นแนวทางที่ IRPC ให้ความสำคัญ
• เป็นการส่งเสริมการตลาด และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น