พนักงานไออาร์พีซีทุกคนสามารถใช้สิทธิ์ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้โดยยังคงได้รับค่าจ้าง โดยสิทธิ์ดังกล่าวครอบคลุมทั้งพนักงานหญิงที่ลาคลอดบุตรและพนักงานชายที่ลาเพื่อดูแลครอบครัว อีกทั้งยังสามารถใช้วันลากิจส่วนตัวเพิ่มเติมในการลาเพื่อดูแลครอบครัวได้ นอกจากนี้ ไออาร์พีซียังจัดให้มีห้องให้นมบุตรในพื้นที่ปฏิบัติการแต่ละแห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่กำลังตั้งครรภ์หรือเพิ่งคลอดบุตร รวมถึงจัดให้มีบริการรับเลี้ยงเด็ก (Childcare Service) ที่สำนักงานกรุงเทพฯ โดยการจ้างงานพี่เลี้ยงเด็กในพื้นที่ อันถือเป็นการสร้างโอกาสทางรายได้ให้กับคนในพื้นที่อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ไออาร์พีซียังจัดสรรสวัสดิการประกันสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งพนักงานและครอบครัว ได้แก่ คู่สมรส บุตร ผู้ปกครอง รวมถึงวัคซีนประจำปีและค่าใช้จ่ายทางทันตกรรม ตลอดจนมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรของพนักงาน เพื่อส่งเสริมการศึกษาและความเป็นอยู่ทีดี
ไออาร์พีซีมุ่งมั่นที่จะยกระดับการบริหารจัดการบุคลากรให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานและก้าวสู่การเป็น Employer of Choice
กลยุทธ์การบริหารจัดการบุคลากรของไออาร์พีซีประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่ การเตรียมความพร้อมบุคลากรเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ มีบุคลากรที่มีทักษะความสามารถสอดคล้องกับแผนธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ขององค์กรที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แนวทางเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนากำลังคนที่มีทักษะและสามารถปรับตัวได้ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายทางธุรกิจระยะยาวของไออาร์พีซี
แนวปฏิบัติที่ดีต่อแรงงาน
บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิมนุษยชนของพนักงานและสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชนผ่านการฝึกอบรม การประชุมเชิงปฏิบัติการ และสื่อสำหรับประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการจัดสวัสดิการที่เป็นธรรมและเอื้อประโยชน์แก่พนักงานในรูปแบบ ทั้งด้านสวัสดิการและการดูแลสุขภาพ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม รวมถึงแนวทางการลดการมีอคติต่อหัวหน้างาน และสร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้บังคับบัญชากับลูกน้องผ่านการประเมิน 180 องศา
ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมกับงานอย่างเต็มที่ ไออาร์พีซีจึงสร้างแรงจูงใจและมอบสวัสดิการให้พนักงานได้ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะให้ค่าตอบแทนที่ช่วยสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดี โดยจัดให้มีค่าจ้างที่ไม่เพียงเป็นไปตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงความต้องการพื้นฐานของพนักงานและครอบครัว รวมทั้งมีเงินเหลือเพื่อเก็บออม เพื่อรักษาความมุ่งมั่นนี้ ไออาร์พีซีมีการทบทวนค่าตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และเปิดรับความคิดเห็นจากพนักงานผ่านช่องทางการสื่อสารที่มีอยู่ เช่น สหภาพแรงงาน และการสำรวจความผูกพันของพนักงาน นอกจากนี้ ยังมีค่าตอบแทนพิเศษสำหรับการทำงานนอกเหนือจากหน้าที่ปกติ เช่น ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และมีการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดแนวปฏิบัติการทำงานที่เป็นธรรม รวมทั้งมีการติดตามการทำงานล่วงเวลาที่เกินขอบเขตที่กำหนด เพื่อปกป้องสวัสดิภาพของพนักงาน
นอกเหนือจากสวัสดิการพื้นฐานและโปรแกรมที่ภาครัฐกำหนด ซึ่งรวมถึงประกันสังคมหลัก 4 ประเภท รวมถึงการแสดงความยินดีและแสดงความเสียใจ ไออาร์พีซียังมอบสิทธิประโยชน์เฉพาะสำหรับพนักงานประจำ โดยออกแบบมาเพื่อสนับสนุนพนักงานในทุกช่วงของชีวิต โปรแกรมเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถมีส่วนร่วมกับงานได้อย่างเต็มที่ พร้อมตอบสนองความต้องการในด้านชีวิต สุขภาพ และการพักผ่อน ทั้งนี้ในปี 2563 IRPC ได้เปิดตัวโครงการประกันสุขภาพแบบเลือกได้ ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถปรับสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการให้เหมาะกับรูปแบบการดำเนินชีวิตและความต้องการของตนเอง โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความสมดุลระหว่างการทำงานและครอบครัว พร้อมเพิ่มคุณภาพของสวัสดิการในด้านวัฒนธรรม กีฬา การพักผ่อน ชีวิตครอบครัว และการพัฒนาตนเอง
สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
2.1 การบริหารจัดการความเครียดจากการทำงาน (Workplace stress management) โครงการบริหารจัดการความเครียดในที่ทำงาน รวมถึงการจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านสุขภาวะครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น สิทธิมนุษยชน สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การสร้างสถานที่ทำงานที่มีความสุข สมดุลชีวิตและการทำงาน และอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้พนักงานลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยรวม นอกจากนี้ เรายังเปิดโอกาสให้ลูกค้าและซัพพลายเออร์เข้าร่วมในกิจกรรมเหล่านี้ และมีการบันทึกวิดีโอเพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาได้ในภายหลัง
2.2 กิจกรรมด้านสุขภาพและกีฬา (Sport & health initiatives) ศูนย์ออกกำลังกายในสถานที่ปฏิบัติงานทุกแห่ง พร้อมทั้งกิจกรรมประจำปี เช่น วิ่งมาราธอน การวิ่งเก็บระยะทาง และการแข่งขันกีฬาของโรงกลั่น เพื่อส่งเสริมให้พนักงานออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในด้านการส่งเสริมโภชนาการที่ดี บริษัทฯ จัดให้มีอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ผักในโรงอาหาร และผลไม้ในช่วงการประชุม นอกจากนี้ เรายังให้คำแนะนำด้านโภชนาการ จัดสัมมนา และจัดการแข่งขันลดน้ำหนักประจำปี เพื่อสนับสนุนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอย่างต่อเนื่อง
ความยืดหยุ่นในการทำงาน
3.1 ชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible working hours) บริษัทฯ มีนโยบายสนับสนุนชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงความต้องการของธุรกิจควบคู่ไปกับการตอบสนองความต้องการของพนักงานและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนั้น เพื่อสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ไออาร์พีซียังได้พัฒนา i-Connect portal เพื่อยกระดับการสื่อสารภายในองค์กร ผ่านระบบการทำงานแบบ Worksite-centric
3.2 การทำงานจากที่บ้าน (Work-from-home Arrangement) ไออาร์พีซีกำหนดให้รูปแบบการทำงานจากที่บ้านเป็นหนึ่งในรูปแบบการทำงานปกติ เพื่อช่วยสร้างความยืดหยุ่นและปรับรูปแบบการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ รวมถึงพัฒนาระบบเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการทำงานที่สำนักงาน
สิทธิการลาคลอดและการลางานเพื่อไปดูแลครอบครัว
- พนักงานหญิง มีสิทธิ์ลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน และได้รับค่าจ้างระหว่างลาคลอดไม่เกิน 70 วัน ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายแรงงานไทยกำหนดไว้ ทั้งนี้ หากพนักงานหญิงมีใบรับรองแพทย์ระดับหนึ่งที่ยืนยันว่าไม่สามารถปฏิบัติงานตามหน้าที่ปกติได้ พนักงานมีสิทธิ์ขอให้นายจ้างปรับเปลี่ยนลักษณะงานชั่วคราวก่อนหรือหลังคลอดได้
- พนักงานชาย มีสิทธิ์ลาพ่อแม่เพื่อดูแลครอบครัวได้ไม่เกิน 3 วันทำงานต่อบุตรหนึ่งคน ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายแรงงานไทยกำหนด และจะได้รับค่าจ้างในวันที่ลา
- พนักงานทุกคน สามารถยื่นขอลากิจส่วนตัวเพิ่มเติมหรือลาพักร้อนเพื่อนำไปใช้ในการดูแลสมาชิกครอบครัว (เช่น บุตร คู่สมรส บิดา มารดา) โดยบริษัทฯ จะพิจารณาตามความเหมาะสม
ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงาน
- บริษัทฯ กำกับดูแลและติดตามชั่วโมงการทำงานของพนักงานให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดชั่วโมงการทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน
- นอกจากนี้ IRPC ไม่สนับสนุนให้มีการทำงานล่วงเวลา การทำงานในวันหยุด หรือการทำงานล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่ในกรณีจำเป็น ซึ่งในการทำงานล่วงเวลา ชั่วโมงรวมต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ บริษัทรับประกันว่าพนักงานจะได้รับค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลาอย่างเป็นธรรม ตามจำนวนชั่วโมงที่ทำจริงซึ่งมีการบันทึกไว้อย่างถูกต้องในระบบ
ความเท่าเทียมของพนักงาน
บริษัทฯ ส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของบุคลากร เพื่อพัฒนาการดำเนินงานและบรรลุเป้าหมายที่กำหนดโดยนโยบายส่งเสริมความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างในองค์กรของบริษัทฯ อธิบายถึงการไม่กีดกันหรือจำกัดความแตกต่างทางด้านเพศ อายุ เชื้อชาติ วัฒนธรรม หรือศาสนา รวมถึงสนับสนุนและสร้างการมีส่วนร่วมให้แก่บุคลากรทั่วทั้งองค์กร โดยได้ดำเนินมาตรการในการป้องกันการละเมิดทางเพศในการทำงาน การมอบสิทธิการลาและสิทธิประโยชน์สำหรับคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ตลอดจนการจัดฝึกอบรมในเรื่องความหลากหลายทางเพศและเรื่องการตระหนักรู้ด้านสุขภาพจิต รวมทั้งพนักงานสามารถขอแก้ไขเอกสารภายในเพื่อระบุอัตลักษณ์ทางเพศของตนได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพของพนักงานหญิง ผ่านการตรวจสอบสัดส่วนการเลื่อนตำแหน่งประจำปีของผู้บริหารหญิงในองค์กร รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการจ้างงานคนพิการและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในที่ทำงาน
อัตราส่วนของเงินเดือนพื้นฐานและค่าตอบแทนของผู้หญิงต่อผู้ชาย
2564
2565
2566
2567
ระดับผู้บริหาร
0.90
0.79
1.02
1.07
ระดับผู้จัดการ
0.85
0.88
0.97
0.91
ระดับปฏิบัติการ
1.06
1.02
1.06
1.01
เสรีภาพในการรวมกลุ่ม
บริษัทฯ สนับสนุนการดำรงไว้ซึ่งสิทธิ์ของพนักงานในการจัดตั้งสภาพแรงงาน โดยกำหนดไว้อย่างชัดเจนในนโยบายพนักงานสัมพันธ์ เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการแสดงความคิดเห็นและหารือร่วมกันระหว่างสมาชิกและผู้บริหารระดับสูง ทั้งในเรื่องทิศทางการดำเนินธุรกิจ การปรับเปลี่ยนองค์กรตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การพัฒนาบุคลากรและโอกาสในการเติบโต และสวัสดิการต่าง ๆ โดยที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงให้ความใส่ใจในการรับฟังประเด็นเหล่านี้มาโดยตลอด โดยมีการพบปะกับผู้นำสหภาพแรงงานรายไตรมาส รวมถึงมีกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นของพนักงานผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน เป็นต้น
การบริหารทรัพยากรบุคคล
การวางแผนกำลังคน
ไออาร์พีซีมีการวางแผนกำลังคนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Workforce Planning: SWP) ผ่านกระบวนการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เพื่อวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ มีแผนการสรรหากำลังคนที่เหมาะสมและเชื่อมโยงกับแผนธุรกิจที่มีความสำคัญในปัจจุบันและธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อพัฒนากลุ่มพนักงานที่มีศักยภาพ ไออาร์พีซีได้ดำเนินการตามแนวทางดังนี้
- การสร้างและพัฒนากลุ่มผู้บริหารที่มีศักยภาพ (Management Pool) และพัฒนาเตรียมความพร้อมเพื่อทดแทนผู้บริหารในตำแหน่งสำคัญเชิงกลยุทธ์ (Strategic positions) เช่น ตำแหน่งผู้บังคับบัญชาตามโครงสร้างองค์กร (Line positions) และตำแหน่งผู้บริหาร (Executives) ที่บริษัทฯ ส่งไปปฏิบัติงานในรูปแบบ Secondment ตาม IRPC Group way of conduct
- การสร้างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ (Expert Pool) ในด้านที่สำคัญต่อการบรรลุวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ
- การสร้างและพัฒนากลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ (Young Leaders Pool & Development Program) เพื่อรองรับ การเติบโตและการขยายสู่ธุรกิจใหม่
ไออาร์พีซีได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารทรัพยากรบุคคลและประสิทธิผลองค์กร (HOMC) และคณะกรรมการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและประสิทธิผลองค์กร (HODC) เพื่อทบทวนกำลังคน การวางแผนสืบทอดตำแหน่ง และกระบวนการสรรหาบุคลากรในทุกระดับผ่านการติดตามผลเป็นประจำทุกปี บริษัทฯ ได้พัฒนามาตรฐานสมรรถนะ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการวางแผนสืบทอดตำแหน่งอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ไออาร์พีซียังให้ความสำคัญกับการบริหารแผนสืบทอดตำแหน่งของพนักงานที่ใกล้เกษียณอย่างยั่งยืน โดยการเตรียมผู้มีศักยภาพสูงเข้าสู่บทบาทผู้บริหาร ผ่านโครงการ Break Through ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาทักษะภาวะผู้นำ เพื่อความสำเร็จในการบริหารจัดการโครงการในอนาคต
ไออาร์พีซีตระหนักถึงความสำคัญของการสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต เนื่องจากการพึ่งพาพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญสูงในระยะยาวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงใหม่ ๆ จึงมีความจำเป็นในการสรรหาบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความสามารถที่สอดคล้องกับความสำเร็จของไออาร์พีซีในอนาคต ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ ได้บริหารจัดการกระบวนการสรรหาบุคลากรโดยผสมผสานระหว่างการคัดเลือกบุคลากรภายในองค์กรกับการสรรหาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนากลุ่มผู้มีศักยภาพ (Talent Cluster) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทดแทนตำแหน่งที่ว่าง นอกจากนี้ ไออาร์พีซียังสนับสนุนการจ้างงานในพื้นที่ที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอยู่ เพื่อให้ประโยชน์จากการดำเนินงานกระจายสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างเป็นธรรม
ไออาร์พีซีกำหนดเป้าหมายในการสรรหาบุคลากรที่สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของ “การอยู่รอด (survive)” ในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับ “การเดินหน้าธุรกิจต่อไปในอนาคต (Perform in the new game)” โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นคู่แข่งแถวหน้าในตลาดโดยการสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพ และพัฒนาศักยภาพของพนักงานเก่าเพื่อบรรลุตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ ดังนี้
- Reposition: การปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอเพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการดำเนินงาน
- Disrupt: การสร้าง New Market Norms หรือ Business Delivery Model
- Preserve: การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายและเพิ่มมูลค่าทางการเงิน
- Survive: การปรังปรุงโครงสร้างและลดต้นทุน
การพัฒนาทรัพยากรบุคคล
ไออาร์พีซีให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของพนักงานทุกคน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและนวัตกรรมดิจิทัล โดยฝ่ายบุคคลของไออาร์พีซีได้รับมอบหมายให้ดำเนินการศึกษาเปรียบเทียบขีดความสามารถของพนักงานในบริษัทระดับโลกและนำมาประยุกต์ใช้ในการประเมินศักยภาพและทักษะการเป็นผู้นำของบุคลากรไออาร์พีซี รวมถึงกำหนดแนวทางการเสริมสร้างทักษะของพนักงาน ของแต่ละหน่วยงานให้สอดรับกับกลยุทธ์ขององค์กร ผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมที่หลากหลาย
เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรม ไออาร์พีซีได้จัดทำ “IRPC Development Framework” ซึ่งเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาบุคลากรที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร โดยยึดหลักแนวทาง Competency-Based Learning ที่มุ่งส่งเสริมความรู้และทักษะของพนักงานตามบทบาทและความรับผิดชอบ ตั้งแต่ระดับพนักงานใหม่ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง โดยครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ สมรรถนะในการทำงาน สมรรถนะด้านภาวะผู้นำ และการพัฒนาทักษะในอนาคต เพื่อให้พนักงานมีความพร้อมอย่างรอบด้านในการขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กรต่อไป
- การพัฒนาสมรรถนะในการทำงาน ดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยอ้างอิงจากการจัดกลุ่มตามสมรรถนะการปฏิบัติงานที่เชื่อมโยงกับห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร เพื่อให้พนักงานมีความรู้และทักษะที่เหมาะสมกับบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบที่ได้รับ โดยองค์กรส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับสมรรถนะให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ
- สมรรถนะด้านภาวะผู้นำ มุ่งพัฒนาอย่างเป็นระบบตั้งแต่ขั้นตอนการเริ่มต้นทำงาน ไปจนถึงระดับผู้นำองค์กร โดยเน้นการเสริมสร้างทักษะด้านธุรกิจและการบริหารจัดการ ผ่านโปรแกรม LEAD ระดับที่ 1–5 ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ภาวะผู้นำตนเองไปจนถึงการขับเคลื่อนกลยุทธ์ระดับองค์กร สำหรับผู้บริหารที่มีศักยภาพสูงจะได้รับการพัฒนาในแผนสืบทอดตำแหน่ง ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงจะได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมผ่านโครงการความร่วมมือกับกลุ่ม ปตท. เพื่อผลักดันการเติบโตขององค์กร
- การพัฒนาทักษะในอนาคต มุ่งเน้นการเพิ่มทักษะใหม่และการปรับทักษะเดิมให้กับพนักงาน ผ่านโปรแกรม ACCELERATE ซึ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถด้านอารมณ์และสังคม (เช่น การตระหนักรู้ในตนเอง ความสามารถในการปรับตัว) ความสามารถด้านความคิด (เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา) และทักษะด้านดิจิทัล (เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล ระบบอัตโนมัติ) โดยมีการติดตามความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าหมายชัดเจน เพื่อพัฒนาให้พนักงานก้าวสู่การเป็นกำลังคนชั้นนำ ที่มีสมรรถนะสูงและเติบโตอย่างยั่งยืน
เพื่อให้การบริหารบุคลากรของไออาร์พีซีสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจมากขึ้น บริษัทฯ ได้นำแผนพัฒนาบุคคล (Individual Development Plan: IDP) มาใช้เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ โดยแผน IDP มุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริหารและพนักงานที่มีศักยภาพสูง โดยการระบุโอกาสในการพัฒนาทักษะเฉพาะตำแหน่งงาน ซึ่งมุ่งสู่บทบาทผู้นำในอนาคต พร้อมกันนี้ การวางแผนสืบทอดตำแหน่งมีมุ่งเน้นไปที่ผู้บริหารระดับสูงที่มีผลงานโดดเด่น เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีผู้นำที่มีความสามารถอย่างต่อเนื่องสำหรับการเติบโตของไออาร์พีซีในอนาคต
ผลตอบแทนจากการลงทุนด้านทุนมนุษย์ (Human Capital Return on Investment)
ผลตอบแทนจากการลงทุนด้านทุนมนุษย์ เป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดความสามารถในการทำกำไรขององค์กรเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนพนักงานทั้งหมด โดยการคำนวณตัวชี้วัดนี้จะตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับพนักงานออกจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด และหาความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงานที่ได้ ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงประสิทธิผลของการลงทุนในทุนมนุษย์ และสามารถนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงในอนาคต
การดึงดูดและการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ
ไออาร์พีซีมุ่งหมายที่จะปลูกฝังค่านิยมหลักขององค์กรที่เอื้อให้เกิดพฤติกรรมที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้บรรลุวิสัยทัศน์ใหม่และเป้าหมายกลยุทธ์ ด้วยกรอบแนวคิด “G3” GOOD (ดีด้วยใจรับผิดชอบ) GREAT (เก่งทันโลกธุรกิจ) GROWTH to success (กล้าเพื่อความสำเร็จ) ซึ่งประกอบด้วยวัฒนธรรมและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ขององค์กรดังต่อไปนี้
การบริหารผลงานและการให้รางวัล
กระบวนการบริหารผลงานของไออาร์พีซีเริ่มต้นด้วยการจัดทำตัวชี้วัดความสำเร็จขององค์กร (Corporate KPIs) ซึ่งถูกถ่ายทอดลงไปยังระดับรองประธานและตำแหน่งต่ำกว่า โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับแต่ละระดับ พร้อมแผนปฏิบัติการเพื่อบริหารผลงาน ผลงานจะถูกจัดระดับเป็น ยอดเยี่ยม ดี ปานกลาง หรือด้อย โดยมีการประเมินและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอผ่านการประเมินเชิงกลยุทธ์ เป้าหมายผลงานได้รับการปรับเป็น ร้อยละ 50 โดยร้อยละ 25 จากความสามารถ (competency) และ ร้อยละ 25 จากพฤติกรรม เพื่อให้ทีมทรัพยากรบุคคลสามารถระบุผู้มีผลงานยอดเยี่ยมได้ เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Leading and Lagging Indicators, Value Tree และ KPI Cascading Tool ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการแสดงภาพและวิเคราะห์ KPI
นอกจากนี้ การบริหารผลงานของไออาร์พีซียังรวมถึงการประเมินประจำปี การให้ข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่อง และการประเมินภาวะผู้นำ พนักงานในระดับบริหารได้รับการประเมินภาวะผู้นำแบบ 360 องศา ขณะที่พนักงานทุกคนต้องทำแบบประเมิน IRPC DNA Assessment การสนทนาแบบตัวต่อตัวอย่างสม่ำเสมอ (1:1 agile conversation) ถูกจัดขึ้นเพื่อติดตามผลงาน พัฒนาการทางอาชีพ และความสมดุลระหว่างชีวิตและงาน โดยผลการประเมินจะถูกบันทึกและอนุมัติผ่านระบบทรัพยากรบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายผลงาน ผลลัพธ์จากการประเมินผลงานยังถูกนำไปใช้ในการระบุและกำหนดโปรแกรมพัฒนาที่สนับสนุนการเติบโตในสายอาชีพของพนักงานและสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อให้การพัฒนาพนักงานมีประสิทธิภาพ
ยิ่งไปกว่านั้นไออาร์พีซีมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนามาตรการจูงใจระยะยาวสำหรับรางวัลที่ขึ้นกับผลการปฏิบัติงาน โดยโบนัสของผู้บริหารระดับสูงจะเชื่อมโยงโดยตรงกับผลการปฏิบัติงาน เป็นการสะท้อนนโยบายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมของบริษัทฯ ที่เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
อัตราการรับพนักงานใหม่ (%)
2564
2565
2566
2567
ชาย
6.39
2.91
0.85
0.14
หญิง
9.12
4.69
2.84
2.16
รวม
6.78
3.17
1.14
0.43
อัตราการลาออกโดยสมัครใจ (%)
2564
2565
2566
2567
ชาย
6.68
2.02
0.59
5.71
หญิง
7.29
3.44
0.47
7.65
รวม
6.78
2.23
0.57
6.01
ความผูกพันของพนักงาน
ไออาร์พีซีกำหนด 5 หลักการในการขับเคลื่อนการสร้างความผูกพันของพนักงาน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ Best Employers Differentiators และ Foundation ซึ่งประกอบด้วย 3 หลักการย่อยภายใต้ Best Employers Differentiators ได้แก่ 1) ความคล่องตัว (Agility) 2) การสร้างผู้นำ (Engaging Leadership) และ 3) การส่งเสริมความสามารถ (Talent Focus) และ 2 หลักการย่อยภายใต้ Foundation ได้แก่ 4) พื้นฐาน (The Basics) และ 5) รากฐานการทำงานที่ดี (The Work) โดยหลักการเหล่านี้มุ่งให้เกิดผลลัพธ์ด้านความผูกพันของพนักงานควบคู่ไปกับผลลัพธ์ทางธุรกิจ ดังนี้
ผลลัพธ์ด้านความผูกพันของพนักงาน
ผลลัพธ์ทางธุรกิจ
- “Say” – พนักงานพูดถึงองค์กรกับเพื่อนร่วมงาน ผู้มีศักยภาพเข้าทำงาน และลูกค้าในทางบวก ซึ่งสะท้อนถึงความพึงพอใจในงานและความภักดีต่อองค์กรฃ
- “Stay” – พนักงานมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กร ซึ่งสะท้อนความสอดคล้องกับเส้นทางอาชีพของพนักงาน และความความเข้าใจวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ชัดเจน
- “Strive” – พนักงานเต็มใจที่จะอุทิศตนให้กับการทำงานที่เหนือกว่าความคาดหมายของบริษัทฯ เพื่อความสำเร็จขององค์กรและสร้างสมดุลให้กับชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข
- “Talent” – การรักษาบุคลากร และการเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
- “Operational” – การคำนึงถึงผลิตผลและความปลอดภัย
- “Customer” – การดูแลความพึงพอใจและการรักษาลูกค้า
- “Financial” – การเติบโตของรายได้ กำไร และผลตอบแทนชองผู้ถือหุ้นในภาพรวม
ผลสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร