ดูคณะกรรมการบริษัทฯ
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมุ่งมั่นรักษามาตรฐานงานด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้เทียบเท่าระดับสากล บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance Policy) ไว้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการดำเนินธุรกิจ และประกาศใช้ทั่วทั้งองค์กร ทั้งบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย “กลุ่มไออาร์พีซี” พร้อมทั้งได้จัดทำคู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ สำหรับคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
ในการกำกับดูแลงานทางด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืนนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน (CGSC) ทำหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานต่าง ๆ เพื่อให้มีมาตรฐานอยู่ในระดับสากล สอดคล้องตามกฎหมาย ข้อกำหนด และแนวปฏิบัติที่ดีต่าง ๆ ตลอดจนกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีการติดตามผลการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกไตรมาส ผ่านการประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน และมีการรายงานผลการปฏิบัติงานต่อคณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบอย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาสเช่นกัน
- โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ
- คณะกรรมการบริษัทฯ
- นโยบายว่าด้วยความหลากหลายในโครงสร้างของคณะกรรมการบริษัทฯ
- ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการบริษัทฯ
- ประสิทธิผลของคณะกรรมการบริษัทฯ และการกำหนดค่าตอบแทน
- การกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหาร และการถือครองหลักทรัพย์
คณะกรรมการบริษัทฯ
คณะกรรมการบริษัทฯ ทำหน้าที่กำหนดวิสัยทัศน์ ทิศทาง นโยบาย เป้าหมาย แผนกลยุทธ์ และงบประมาณประจำปี โดยมอบหมายให้ฝ่ายจัดการนำไปดำเนินการเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย รวมถึงประเมินปัจจัยความเสี่ยงและกำหนดแนวทางบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อสร้างความน่าเชื่อให้กับระบบบัญชี การเงิน และการตรวจสอบขององค์กร
องค์ประกอบของคณะกรรมการบริษัทฯ
คณะกรรมการบริษัทฯ ต้องประกอบด้วยคณะกรรมการที่มีความรู้และประสบการณ์ที่สอดคล้องกับธุรกิจของไออาร์พีซี และจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ตามความรับผิดชอบ ด้วยเหตุนี้ ไออาร์พีซีจึงกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการและคุณสมบัติที่สำคัญ ตลอดจนระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง ดังนี้
- คณะกรรมการบริษัทฯ ประกอบด้วยกรรมการจำนวน 5-15 คน
- กรรมการอิสระอย่างน้อยหนึ่งในสามของคณะกรรมการบริษัทฯ หรืออย่างน้อย 3 คน และต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด
- กรรมการต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี
- กรรมการสามารถดำรงตำแหน่งได้สูงสุด 3 วาระติดต่อกัน หรือสูงสุด 9 ปี
สำหรับคุณสมบัติของกรรมการอิสระ จะถูกกำหนดให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาทิ ไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องในการบริหารบริษัทฯ และบริษัทในเครือ ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือทางกฎหมายกับกรรมการท่านอื่น ไม่มีความสัมพันธ์เชิงธุรกิจ และไม่ใช่ผู้ตรวจสอบของบริษัท
นอกจากนี้ ไออาร์พีซียังกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อความรัดกุมยิ่งขึ้นมากกว่าเกณฑ์ของ ก.ล.ต. โดยกำหนดให้กรรมการอิสระถือหุ้นบริษัทไม่เกินร้อยละ 0.5 ของหุ้นที่มีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนน (Voting Rights) ทั้งหมด เมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 1
คณะกรรมการชุดย่อย
คณะกรรมการบริษัทฯ ประกอบด้วยคณะกรรมการชุดย่อย 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง โดยแต่ละคณะมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลประเด็นสำคัญขององค์กร ดังนี้
คณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการตรวจสอบ แต่งตั้งจากกรรมการบริษัทฯ ประกอบด้วย กรรมการอิสระอย่างน้อย 3 คน ซึ่งมีคุณสมบัติ หน้าที่ ความรับผิดชอบครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน โดยกรรมการตรวจสอบ ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เพียงพอที่จะทำหน้าที่กรรมการตรวจสอบ ทั้งนี้กรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 1 คน ต้องเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านบัญชีและการเงินเพียงพอที่จะทำหน้าที่สอบทานความน่าเชื่อถือของรายงานทางการเงิน โดยมีรายชื่อดังนี้
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
ทำหน้าที่พิจารณาคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการบริษัทฯ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยกำหนดขั้นตอนและหลักเกณฑ์ในการสรรหาที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส เพื่อให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ ที่มีความหลากหลายทั้งในด้านความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ นอกจากนี้ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ยังมีหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมในการจ่ายค่าตอบแทนของกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยมีรายชื่อดังนี้
คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน
ทำหน้าที่กำหนดแผนงานและติดตามผลการดำเนินงานประจำปีขององค์กร เพื่อให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีและด้านความยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมถึงภารกิจด้านการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการ สิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม มีรายชื่อดังนี้
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
ทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กร ซึ่งมีคณะกรรมการบริษัทฯ ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย และคณะกรรมการตรวจสอบทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามนโยบาย ทั้งนี้ คณะกรรมการต่าง ๆ มีการประเมินความเสี่ยงซึ่งครอบคลุมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น (ทั้งภายในและภายนอกองค์กร และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่) และรายงานความเสี่ยงให้แก่คณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อการตรวจสอบและทบทวน มีรายชื่อดังนี้
กรรมการอิสระ
ตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีของไออาร์พีซี หนึ่งในสามของคณะกรรมการบริษัทฯ จะต้องประกอบด้วยกรรมการอิสระ ที่มีวาระดำรงตำแหน่งได้คราวละ 3 ปี โดยกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระสามารถได้รับเลือกอีกครั้งโดยผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม สามารถดำรงตำแหน่งได้สูงสุด 3 วาระติดต่อกัน หรือสูงสุด 9 ปี โดยไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้ คณะกรรมการอิสระจะต้องมีคุณสมบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนและข้อกำหนดของคณะกรรมการบริษัทฯ นอกจากนี้ ไออาร์พีซียังกำหนดให้กรรมการอิสระถือหุ้นบริษัทฯ ได้ไม่เกินร้อยละ 0.5 ของหุ้นที่ออกจำหน่าย ซึ่งเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดของ ก.ล.ต. ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 1
ไออาร์พีซีได้กำหนดนิยามของกรรมการอิสระไว้ในคู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดีและบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ นอกจากนี้คณะกรรมการอิสระมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นในทุกการประชุม โดยจะต้องเข้าประชุมอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินและธุรกิจขององค์กร เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้เป็นอย่างอิสระเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนการป้องกันให้ไม่ให้เกิดการขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างไออาร์พีซีกับผู้บริหาร กรรมการผู้มีอำนาจ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งที่จะกำหนดคุณสมบัติของกรรมการอิสระที่สอดคล้องหรือเข้มงวดกว่าข้อกำหนดของ ก.ล.ต. และเกณฑ์การประเมินของดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI)
ประธานกรรมการ (Non–executive Chairman/Lead Director)
เพื่อให้การกำกับดูแลกิจการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ ไออาร์พีซีจึงกำหนดให้ประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นคนละบุคคลกัน โดยกำหนดบทบาทความรับผิดชอบหลักของประธานกรรมการคือการเป็นผู้นำและให้คำแนะนำแก่คณะกรรมการบริษัทฯ ด้วยการส่งเสริมและกำกับดูแลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริษัทฯ และการดำเนินงานบริษัทฯ ในภาพรวมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมาตรฐานสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำประชุมหารือที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเรื่องข้อเสนอโครงการ (Proposals) โดยฝ่ายจัดการ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหาร
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มอบหมายให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในฐานะหัวหน้าสูงสุดของฝ่ายจัดการ เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการงานของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทฯ กำหนดไว้
นโยบายว่าด้วยความหลากหลายในโครงสร้างของคณะกรรมการบริษัทฯ
ไออาร์พีซีสนับสนุนความสมดุลและความหลากหลายที่เหมาะสมในด้านทักษะ ประสบการณ์ เชื้อชาติ และเพศภายในคณะกรรมการบริษัท และได้ดำเนินการตามนโยบายความหลากหลายของคณะกรรมการ (Board Diversity Policy) เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในกระบวนการแต่งตั้งกรรมการ โดยสอดคล้องกับนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance Policy)
นโยบายดังกล่าวกำหนดให้คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน (Nomination and Remuneration Committee) มีหน้าที่ในการพิจารณาและสรรหาบุคคลเพื่อทดแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่าง โดยต้องพิจารณาผู้สมัครที่มีคุณวุฒิ ความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเฉพาะด้าน จากกลุ่มผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม รวมถึงมีความรู้และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดระดับความหลากหลายที่เหมาะสมในคณะกรรมการ
ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการบริษัทฯ
ตามคู่มือการกำกับดูแลกิจการของไออาร์พีซี คณะกรรมการบริษัทฯ ควรประกอบด้วยคนที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี อย่างน้อย 3 คน มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายอย่างน้อย 1 คน และมีความเชี่ยวชาญด้านบัญชีหรือการเงินอย่างน้อย 1 คน ทั้งนี้ ปัจจัยที่ควรพิจารณาควบคู่กับนโยบายและหลักเกณฑ์การสรรหา ได้แก่ ประวัติการศึกษา ทักษะด้านการบริหารจัดการในสาขาที่เกี่ยวข้อง และผลงานหรือความสำเร็จที่ได้รับการยอมรับในระดับที่เทียบเคียงได้กับธุรกิจในระดับเดียวกัน
ประสิทธิผลของคณะกรรมการบริษัทฯ และการกำหนดค่าตอบแทน
ไออาร์พีซีกำหนดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการเป็นประจำทุกปี ซึ่งประกอบด้วย การประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะกรรมการชุดย่อย และกรรมการรายบุคคล เพื่อทบทวนผลการดำเนินงาน ความท้าทาย และความสำเร็จอย่างครอบคลุมตลอดปีที่ผ่านมา โดยวิธีการประเมินด้วยตนเอง (Self-Evaluation) และวิธีการประเมินแบบไขว้ (Cross-Evaluation) รวมถึงกำหนดให้มีการประเมินโดยผู้ประเมินอิสระจากภายนอก (Independent Assessment) ทุก ๆ 3 ปี และรายงานผลการประเมินดังกล่าวต่อคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืนและเปิดเผยในรายงานประจำปีของบริษัทฯ โดยผลการประเมินจะถูกนำไปใช้สำหรับการพัฒนาผลการปฏิบัติงานในอนาคต นอกจากนี้ ไออาร์พีซียังสนับสนุนให้กรรมการและผู้บริหารเข้าอบรมหลักสูตรที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเพิ่มพูนทักษะและติดตามแนวโน้มของอุตสาหกรรม อันจะช่วยให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนมีหน้าที่พิจารณาค่าตอบแทนคณะกรรมการ เสนอแนะต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติ และเสนอจำนวนค่าตอบแทนต่อที่ประชุมสามัญประจำปีเพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น โดยมุ่งเน้นกระบวนการที่โปร่งใสตามแนวปฏิบัติที่ดีในการกำหนดค่าตอบแทน (Compensation Best Practices) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ทั้งนี้ ค่าตอบแทนของกรรมการบริษัทฯ จะเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าค่าตอบแทนนั้นมีความเหมาะสมกับขนาดและความซับซ้อนของธุรกิจไออาร์พีซี
การกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหาร และการถือครองหลักทรัพย์
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำหนดให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของไออาร์พีซีส่งรายงานประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปีซึ่งตรวจประเมินโดยคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน เพื่อนำผลการประเมินไปใช้ในการพิจารณาค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทั้งนี้ ผลการประเมินดังกล่าวถือเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
สำหรับเกณฑ์การประเมินนั้นจะถูกกำหนดตามกลยุทธ์องค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และวัดผลการดำเนินงานทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน ตลอดจนผลงานด้านการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่จะทำหน้าที่บริหารจัดการธุรกิจและขับเคลื่อนองค์กร โดยผลการปฏิบัติงานจะได้รับการประเมินจากตัวชี้วัด 2 ด้าน ได้แก่ 1) เป้าหมายตัวชี้วัดองค์กร (Corporate KPI) คิดเป็นร้อยละ 70 ของการประเมิน และ 2) องค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ที่ส่งเสริมความโปร่งใสและความยั่งยืนขององค์กร คิดเป็นร้อยละ 30 ของการประเมิน
การปรับเงินเดือนและโบนัสประจำปีของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ จะพิจารณาจากผลการประเมินการปฏิบัติงาน และต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ นอกเหนือจากเป้าหมายที่ท้าทายดังกล่าว เกณฑ์การประเมินต่าง ๆ ถูกกำหนดให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดความสำเร็จของแผนกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ความรับผิดชอบขององค์กรต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม และ Balanced Scorecard ทั้งนี้ ค่าตอบแทนของกรรมการผู้จัดการใหญ่ไออาร์พีซีนั้น สามารถเทียบเคียงได้กับค่าตอบแทนของอุตสาหกรรมเดียวกันหรืออุตสาหกรรมใกล้เคียง
การวัดผลการดำเนินงานของผู้บริหาร
ตัวชี้วัดองค์กร (ร้อยละ 70)
ปัจจัยด้านการเติบโตอย่างยั่งยืน (ร้อยละ 30)
- มุมมองทางการเงิน: EBITDA
- มุมมองของผู้มีส่วนได้เสีย: ความพึงพอใจของลูกค้า ความพึงพอใจของชุมชน ความผูกพันของพนักงาน การประเมินความยั่งยืนของ DJSI การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- มุมมองกระบวนการภายใน: ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน การดำเนินโครงการเพิ่มความยืดหยุ่นของโรงกลั่น ร้อยละของผลิตภัณฑ์พิเศษ การเสริมความแข็งแกร่งของโครงการ และผลิตภัณฑ์ใหม่
- มุมมองการเรียนรู้และการเติบโต: การบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร
- ผลสำรวจทัศนคติโดยคณะกรรมการบริษัทฯ และผู้บริหาร
- การนำ New Core Behavior (IRPC G3) ไปสู่การปฏิบัติ
- ความสามารถในการบริหารจัดการที่่โดดเด่น / การบริหารจัดการในภาวะวิกฤต
นอกจากนี้ ไออาร์พีซียังเปรียบเทียบผลการประเมินการดำเนินงานของบริษัทฯ กับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยเฉพาะตัวชี้วัดด้านการเงิน เพื่อประเมินค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เทียบกับผลการดำเนินงานทางการเงินขององค์กร โดยวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางการเงินของไออาร์พีซีและบริษัทที่ใกล้เคียงกันในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากนั้นเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของผลการดำเนินงานกับระดับค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และค่าตอบแทนของกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน การเปรียบเทียบนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานทางการเงินของ IRPC เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ค่าตอบแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหาร
ไออาร์พีซีเปิดเผยค่าตอบแทนคงที่และแบบผันแปร (Fixed and Variable Compensation) ของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหาร โดยมีรายละเอียดดังนี้
Note:
1. ผู้บริหารระดับ 1 (Executive Level 1) ตามคำอธิบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกอบด้วย i) กรรมการผู้จัดการใหญ่ ii) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ในแต่ละหน่วยงาน สายบัญชีและการเงิน สายกลยุทธ์องค์กร สายพาณิชยกิจและการตลาด สายบริหารและพัฒนาศักยภาพองค์กร สายนวัตกรรมและปฏิบัติการเพื่อความเป็นเลิศ และสายปฏิบัติการผลิตปิโตรเคมีและการกลั่น 2. ค่าตอบแทนทั้งหมดของกรรมการผู้จัดการใหญ่จากไออาร์พีซี และปตท.
นอกจากนี้ ไออาร์พีซี ได้เปิดเผยค่าเฉลี่ยและค่ามัธยฐานของค่าตอบแทนประจำปีของพนักงานทุกคน รวมถึงอัตราส่วนระหว่างค่าเฉลี่ยและค่ามัธยฐานของค่าตอบแทนพนักงานและค่าตอบแทนประจำปีของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ตามรายละเอียดที่นำเสนอในตารางด้านล่าง
ค่าตอบแทน (บาท)
2564
2565
2566
2567
ค่าตอบแทนประจำปีของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
16,427,919
19,826,122
13,312,803
11,420,120
ค่ามัธยฐานของค่าตอบแทนประจำปีของพนักงานทั้งหมด ยกเว้นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
1,156,338
1,585,298
1,242,282
1,174,684
ค่าเฉลี่ยของค่าตอบแทนประจำปีของพนักงานทั้งหมด ยกเว้นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
1,273,372
1,882,039
1,343,906
1,081,765
อัตราส่วนระหว่างค่ามัธยฐานของค่าตอบแทนพนักงานและค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
10.49
7.12
10.72
9.72
อัตราส่วนระหว่างค่าเฉลี่ยของค่าตอบแทนพนักงานและค่าตอบแทนของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
9.53
5.99
9.91
10.56
ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับค่าตอบแทน
กฎการเรียกคืนค่าตอบแทน (Claw back Provision)
ไออาร์พีซีกำหนดกฎการเรียกคืนค่าตอบแทนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/7 กรรมการและผู้บริหารต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวังและความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัทฯ มติคณะกรรมการ ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ผู้บริหารสามารถถูกดำเนินคดีตามมาตรา 89/18 โดยไม่ขัดแย้งกับมาตรา 89/19 ในกรณีที่สามารถพิสูจน์ว่าไม่มีการปฏิบัติตามมาตรา 89/7 หรือถ้ามีการประพฤติผิดในทางตรงและทางอ้อม ซึ่งในกรณีนี้ ไออาร์พีซีกำหนดให้กรรมการ ผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดคืนค่าตอบแทนที่เคยได้รับทั้งหมด
ข้อกำหนดการถือครองหลักทรัพย์บริษัทฯ (Management Ownership Requirement)
เพื่อเสริมสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของในองค์กร ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมที่พึงประสงค์และวัฒนธรรมองค์กร ภายใต้แนวคิด IRPC DNA ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ จึงสนับสนุนให้พนักงาน โดยเฉพาะผู้บริหาร สามารถถือหุ้นของบริษัทฯ ได้ตามความสมัครใจ ซึ่งถือเป็นการสร้างความความมุ่งมั่นของพนักงานต่อองค์กรและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ ก.ล.ต. เพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายในหรือผิดจรรยาบรรณ โดยรายละเอียดจำนวนหุ้นที่ถือโดยกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้บริหาร มีดังนี้
การถือหุ้นของประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหาร (ณ เดือน ธันวาคม 2567)
ตำแหน่ง
ชื่อ
เท่าของฐานเงินเดือน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล
0
ค่าเฉลี่ยของสมาชิกระดับผู้บริหาร
ระดับผู้บริหารหมายถึง ตำแหน่งรองจากกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งเทียบเท่ากับระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่
โดยมีรายชื่อของสมาชิกระดับผู้บริหารที่ถือครองหุ้นของบริษัทฯ ดังนี้
- นายประนาช โกศายานนท์
- นางสาววนิดา อุทัยสมนภา
- นายเลอศักดิ์ ทองร่วง
3
การป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์
คณะกรรมการบริษัทฯ กำหนดให้กรรมการและผู้บริหารแต่ละรายจัดทำรายงานเปิดเผยรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำกับดูแลด้านความขัดแย้งทางผลประโยชน์ โดยจัดส่งให้เลขานุการบริษัทฯ จัดเก็บ รวบรวม พร้อมทั้งสำเนาส่งประธานกรรมการบริษัทฯ และประธานกรรมการตรวจสอบเพื่อใช้ในการตรวจสอบและกำกับดูแลด้านความขัดแย้งทางผลประโยชน์
นอกเหนือจากการรายงานของกรรมการและผู้บริหารตามเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนด ไออาร์พีซียังกำหนดให้พนักงานของบริษัทฯ รวมถึงบริษัทในเครือ บริษัทร่วมทุน และบริษัทที่อยู่ภายใต้อำนาจการบริหารจัดการของไออาร์พีซี เปิดเผยรายการที่เป็นผลประโยชน์ที่ขัดกันกับผลประโยชน์ของบริษัทฯ หรือกลุ่มบริษัทไออาร์พีซีด้วยเช่นกัน
การรายงานการถือครองหลักทรัพย์
บริษัทฯ ได้กำหนดให้คณะกรรมการและผู้บริหาร ซึ่งหมายรวมถึงคู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะต้องแจ้งให้บริษัทฯ ทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของบริษัทฯ และรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และภายใน 3 วันทำการ นับจากวันที่ซื้อ ขาย โอนหรือรับโอน รวมทั้งกำหนดนโยบายในการเปิดเผยหรือรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของกรรมการและผู้บริหารต่อคณะกรรมการบริษัทฯ เป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้ บริษัทฯ จัดให้มีนโยบายแจ้งเวลางดซื้อขายหลักทรัพย์ (Blackout Period) ก่อนการประกาศแจ้งข่าวงบการเงิน 30 วัน และหลังประกาศข่าวงบการเงิน 2 วัน
ทั้งนี้ ในปี 2567 และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไม่พบประวัติการประพฤติผิดของคณะกรรมการบริษัทฯ หรือผู้บริหาร ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2563 หรือพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 รวมถึงไม่พบประวัติในการประพฤติผิดอื่นๆ ดังนี้
- ความไม่ซื่อสัตย์หรือการประมาทละเลยอย่างรุนแรง
- การเปิดเผยหรือเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่สำคัญที่ควรเปิดเผย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบไปยังการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น นักลงทุน หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
- ความไม่ยุติธรรมหรือการเอาเปรียบผู้ลงทุนในการขายและซื้อหุ้นหรืออนุพันธ์ หรือมีส่วนในการสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว
การมีสิทธิออกเสียง (Voting Rights)
ไออาร์พีซีกำหนดนโยบายให้ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนหุ้นที่ตนถือ คือ 1 หุ้นต่อ 1 เสียง โดยไม่มีการเสนอหุ้นพิเศษ (Golden Share) หรือหุ้นสองประเภท (Dual Class Shares) ในกรณีใด ๆ ทั้งสิ้น ในส่วนของการออกตราสาร Non-voting Depository Receipt (NVDR) ผู้ถือ NVDR ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของบริษัทฯ ดังนั้น ผู้ถือ NVDR จะไม่มีสิทธิออกเสียง ทั้งนี้ สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายของ NVDR ได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย