บริษัทฯ ยึดถือหลักสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจและถือเป็นความรับผิดชอบที่ทุกฝ่ายในองค์กรมีร่วมกัน ได้แก่ คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานในทุกหน่วยงาน บริษัทฯ กําหนดกลยุทธ์และแผนงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยมุ่งหวังให้ปราศจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่มีข้อร้องเรียนจากการดําเนินงานของบริษัทฯ และส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในโครงการด้านสิทธิมนุษยชน ตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) ด้วยเจตนารมณ์อันแรงกล้าในการดูแลงานด้านสิทธิมนุษยชน บริษัทฯ ได้มีการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบเพื่อกําหนดทิศทางที่ชัดเจนและกํากับดูแลให้ทั้งองค์กรดําเนินงานตามโยบายด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนส่งเสริมการดําเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายเครือข่ายความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทาน
- นโยบายและความมุ่งมั่นด้านสิทธิมนุษยชน
- กระบวนการจัดการด้านสิทธิมนุษยชน
- การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
- การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน
- การบรรเทาและการเยียวยาด้านสิทธิมนุษยชน
- รางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน
นโยบายและความมุ่งมั่นด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ จัดทํานโยบายด้านสิทธิมนุษยชนตามกรอบการทํางานด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเริ่มใช้นโยบายในปี 2560 และประกาศใช้ฉบับแก้ไขในปี 2564 ซึ่งได้รับการลงนามโดยคณะกรรมการบริษัทฯ
กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนในกลุ่มบริษัทฯ มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและสิทธิมนุษยชน และพึงเคารพสิทธิแรงงาน สิทธิเด็ก สิทธิสตรี และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมที่ได้รับการรับรองและปกป้องตามกฎหมายไทยและกฎหมายสากล นโยบายดังกล่าวมีผลบังคับใช้สําหรับพนักงานของบริษัทฯ รวมถึงบริษัทย่อย บริษัทร่วมทุน และคู่ค้าธุรกิจ (คู่ค้า ผู้รับเหมา ลูกค้า) นอกจากนี้ยังครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ได้แก่ ชุมชนท้องถิ่น ผู้อยู่อาศัย และสังคม โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง (เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้หญิง หญิงตั้งครรภ์ ชนพื้นเมือง แรงงานข้ามชาติ และ LGBTQIA+) ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการดําเนินงานของบริษัทฯ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยมีเป้าหมายในการปกป้องและเคารพสิทธิมนุษยชนและฟื้นฟูเยียวยาในกรณีที่เกิดการละเมิด
ไออาร์พีซีได้นำปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UDHR) ปฏิญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ว่าด้วยหลักการพื้นฐานและสิทธิในการทำงาน และหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน มาเป็นพื้นฐานในการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนในธุรกิจ ครอบคลุมถึงการเคารพสิทธิแรงงาน สิทธิสตรี สิทธิเด็ก และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงเสรีภาพพลเมืองและความเสมอภาคของบุคคลตามที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อบังคับใช้สิทธิมนุษยชนและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการดำเนินงานของไออาร์พีซีตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
กระบวนการจัดการด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ กําหนดกลยุทธ์เพื่อทําให้เกิดกระบวนการที่คํานึงถึงสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยยึดหลักการ 3 ด้าน ได้แก่ Protect, Respect และ Remedy ซึ่งดําเนินการผ่านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ กิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ และการสร้างเครือข่ายภาคี
- การคุ้มครอง (Protect) การนําหลักการคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนมาประยุกต์ใช้ในองค์กร โดยเน้นการกํากับดูแลผ่านนโยบายของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ โดยมีการสื่อสารนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ ไปยังบุคลากรทั่วทั้งองค์กร รวมทั้งบริษัทคู่ค้า คู่ธุรกิจ และบริษัทร่วมทุน พร้อมจัดทําคู่มือการบริหารจัดการสิทธิมนุษยชนและคู่มือการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังมีการกําหนดบทบาทหน้าที่ด้านประเด็นสิทธิมนุษยชนให้แก่คณะกรรมการ หน่วยงาน และสายงานต่าง ๆ เพื่อให้มีการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ตั้งแต่คณะกรรมการบริษัทฯ คณะกรรมการกํากับดูแลกิจการที่ดีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงสายบริหารและพัฒนาศักยภาพองค์กร เป็นต้น
- การเคารพ (Respect) การแสดงถึงการเคารพสิทธิมนุษยชนผ่านการประเมิน ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน และการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทาน
- การเยียวยา (Remedy) การฟื้นฟูเยียวยากรณีเกิดเหตุการละเมิดสิทธิมนุษยชนผ่านกระบวนการรับเรื่องร้องเรียน มาตรการคุ้มครองพยานและการกําหนดกระบวนการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
บริษัทฯ มุ่งมั่นในการออกแบบกระบวนการตรวจสอบที่ครอบคลุมรอบด้าน และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนภายในองค์กร และได้กำหนดระเบียบวิธีการทำงานตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- การระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง : บริษัทฯ ตรวจสอบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและความสัมพันธ์ทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยครอบคลุม : สิทธิของแรงงาน สิทธิของชุมชน ห่วงโซ่อุปทาน ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และสิทธิของลูกค้า
- การระบุผู้ทรงสิทธิ : ผู้ทรงสิทธิ ได้แก่ พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และคนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย คนพิการ ผู้สูงอายุ สตรี กลุ่มคนพื้นเมือง แรงงานต่างด้าว แรงงานที่ว่าจ้างผ่านบุคคลที่ 3 และกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัทฯ และมีความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
- การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (HRIA) : บริษัทฯ ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นภายในองค์กรหรือตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุน ทั้งในรูปแบบที่บริษัทมีอำนาจควบคุมและไม่มีอำนาจควบคุม คู่ค้าหลักโดยตรง กระบวนการประเมินประกอบด้วยการวิเคราะห์ความเสี่ยง ซึ่งแบ่งผลกระทบเป็น 4 ระดับ (สูงมาก สูง ปานกลาง และต่ำ) ประเด็นที่ได้รับการประเมินว่ามีความเสี่ยงระดับปานกลางถึงสูงมาก จะได้รับการพิจารณาโดยหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องภายในองค์กรเพื่อพิจารณาความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
- การกำหนดมาตรการป้องกันและการปฏิบัติตามมาตรการ : บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการใช้มาตรการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้กำหนดมาตรการป้องกันความเสี่ยงให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงในระดับต่างๆ เพื่อลดและควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำและยอมรับได้ เช่น มาตรการป้องกันความเสี่ยงเพื่อบริหารจัดการรักษาความปลอดภัย อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน และการป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม
- การติดตามและสื่อสาร : บริษัทฯ มอบหมายให้ผู้บริหารที่รับผิดชอบโดยตรงดำเนินการติดตาม ตรวจสอบและทบทวนผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อแก้ไขประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น
การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ จัดทำการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกกลุ่มธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าของกลุ่มบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนและจัดทำการประเมินด้านสิทธิมนุษยชนสำหรับโครงการลงทุนใหม่ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน จัดทำโดยหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การประเมินด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทร่วมทุนอย่างรอบด้านตลอดห่วงโซ่คุณค่า ทั้งนี้บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนในรูปแบบออนไลน์ เพื่อช่วยให้ขั้นตอนการประเมินมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการรายงานผล
การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนเป็นการตรวจสอบประเด็นและประเมินผลกระทบต่อผู้ทรงสิทธิและกลุ่มเปราะบาง รวมถึงประเมินความเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบระดับประเทศในบริเวณที่บริษัทฯ ดำเนินกิจการและผลกระทบต่อพนักงาน การประเมินจัดขึ้นสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย เช่น พนักงานบริษัทฯ สังคม บริษัทย่อย พันธมิตรบริษัท ร่วมทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ (คู่ค้า ผู้รับจ้าง ลูกค้า) โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อกลุ่มเปราะบาง ซึ่งรวมถึง สตรี เด็กและเยาวชน ชนเผ่าพื้นเมือง ผู้อพยพ แรงงานของผู้รับจ้าง คนในชุมชน คนท้องถิ่น ลูกค้า ผู้บริโภค กลุ่ม LGBTQIA+ คนพิการ สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ
การบรรเทาและการเยียวยาด้านสิทธิมนุษยชน
การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทาน
บริษัทฯ สื่อความนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมให้คู่ค้ารายหลักปฏิบัติตามนโยบายและแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ หลังมีการประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้าในด้านการปฏิบัติตามหลักการสิทธิมนุษยชนตามคู่มือการดำเนินงานจัดหาอย่างยั่งยืน ในหมวดจรรยาบรรณด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงาน มีการกำหนดมาตรการตรวจสอบคุณสมบัติและอายุของผู้รับเหมาก่อนเข้าปฏิบัติงานภายในโรงงาน เพื่อเป็นการป้องกันการจ้างแรงงานเด็ก รวมถึงมีการจัดฝึกอบรมเพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน มีการจัดสัมมนาคู่ค้าด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (IRPC Supplier Conference) รวมถึงการประเมินตนเองที่มีเกณฑ์การประเมินด้านสิทธิมนุษยชน โดยคู่ค้าต้องตอบแบบสอบถามก่อนการตรวจประเมิน ณ พื้นที่ประกอบการของคู่ค้า (ESG Onsite Audit)
ช่องทางการแจ้งเบาะแสและข้อร้องเรียน
บริษัทฯ มีกระบวนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มต้นจากการประเมินความเสี่ยงเพื่อระบุและป้องกันการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น เมื่อเกิดการละเมิด บริษัทฯ จะดำเนินการแก้ไขและเยียวยาผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ทรงสิทธิ และกลุ่มเปราะบางอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการชดเชยค่าเสียหาย การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ การขอโทษ และการปรับปรุงกระบวนการทำงาน นอกจากนี้ ไออาร์พีซีได้จัดตั้งช่องทางให้ผู้ได้รับผลกระทบสามารถร้องเรียนได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรม โดยบริษัทฯจะตรวจสอบข้อร้องเรียนอย่างละเอียดและดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม
รายงานข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน
ด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของบริษัทฯ ในด้านสิทธิมนุษยชน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2564-2567
รางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ ได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนดีเด่นระดับ Gold จากการที่ได้รับรางวัลมาอย่างต่อเนื่องสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลตามหลักการด้านสิทธิมนุษยชน 3 ด้านได้แก่ “การคุ้มครอง (Protect) การเคารพ (Respect) การเยียวยา (Remedy)” โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งในประเด็นความเท่าเทียม ความเสมอภาค และความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท รางวัลดังกล่าวนับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของบริษัทฯ และเป็นขวัญและกำลังใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมถึงผู้บริหารระดับสูงและพนักงาน อีกทั้งเป็นเครื่องหมายแห่งเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของบริษัทฯ ในการประกอบธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณควบคู่ไปกับสร้างสรรค์นวัตกรรม