สำ �หรับปี 2566 กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีมีรายได้จากการขายสุทธิ 53,376 ล้านบาท ลดลง 17,026 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 24 จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณขายรวมลดลง 165,000 ตัน หรือลดลงร้อยละ 10 และราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ลดลงร้อยละ 14 โดยปริมาณขายที่ลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ PP ในกลุ่มโอเลฟินส์ เป็นต้น ทั้งนี้ สัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์กลุ่มปิโตรเคมีในประเทศ และส่งออกสำ �หรับปี 2566 อยู่ที่อัตราร้อยละ 65 และ 35 ตามลำ �ดับ โดยการขายส่งออกส่วนใหญ่เป็นการขายไปยังประเทศสิงคโปร์ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และประเทศอินเดีย 1.2.4 ส่ นต่างริ ตภัณฑ์์ปิโตรเคมีีและวััตถุดิบ ร เฉลี่ย (เ รียญส รัฐต่อตัน) 2566 2565 เปลี่ยนแปลง แนฟทา 649 785 (17%) โอเลฟินส์ HDPE-แนฟทา 474 457 4% PP-แนฟทา 366 407 (10%) อะโรเมติกส์ เบนซีน-แนฟทา 249 246 1% โทลูอีน-แนฟทา 238 175 36% มิกซ์ไซลีน-แนฟทา 286 239 20% สไตรีนิกส์ ABS-แนฟทา 634 901 (30%) PS (GPPS)-แนฟทา 570 731 (22%) ส่่วนต่่างราคาผลิตภััณฑ์์ปิิโตรเคมีกับวัตถุุดิิบ ส่ นต่างราคาผิ ตภัณฑ์์กลุ่มโพลิโอเลฟิินส์กับราคา แน ทา • HDPE Spread เพิ่มขึ้น ส่วนต่างราคา HDPE กับแนฟทา สำ �หรับปี 2566 อยู่ที่ 474 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับ ปี 2565 อยู่ที่ 457 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2566 อุปทานมีความ ตึงตัวจากการหยุดซ่อมบำ �รุงประจำ �ปี โดยเฉพาะผู้ผลิตจาก ฝั่งตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ความต้องการของปลายทาง ยังคงซบเซาเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับปัญหาวิกฤต อสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน ส่งผลให้อุตสาหกรรม การก่อสร้างได้รับผลกระทบ • PP Spread ลดลง ส่วนต่างราคา PP กับแนฟทาสำ �หรับ ปี 2566 อยู่ที่ 366 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับปี 2565 ที่ 407 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 10 โดยความต้องการ ยังคงซบเซา ทั้งจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ได้รับ ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอล-กลุ่มฮามาส รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัว ในระดับสูง ขณะที่อุปทานในตลาดโดยเฉพาะในประเทศ จีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ผู้ผลิตบางรายได้ปรับลด อัตรากำ �ลังการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาด ส่ นต่างริ ตภัณฑ์์กลุ่มอะโรเมติกส์กับร แน ทา • TOL Spread และ MX Spread เพิ่มขึ้น ในปี 2566 ส่วน ต่างราคาโทลูอีนกับแนฟทาอยู่ที่ 238 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ มิกซ์ไซลีนกับแนฟทาอยู่ที่ 286 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 36 และร้อยละ 20 ตามลำ �ดับเมื่อเทียบกับปี 2565 สาเหตุหลักจากสถานการณ์ตลาด PX ปรับตัวดีขึ้น ทำ �ให้ ความต้องการใช้โทลูอีนและมิกซ์ไซลีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักใน การผลิต PX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 177 คำำ �อธิิบายและการวิิเ ราะห์์ของฝ่่ายจััดการ แบบแสดงรายการข้อมููลประจำำ �ปี/ รายงานประจำำ �ปี 2566 (แบบ 56-1 One Report)
RkJQdWJsaXNoZXIy ODg4NTI=